ไม่ได้เขียนบทความซะนาน กลับมาเขียนๆ ไว้ซักหน่อยดีกว่า บทความนี้จะเป็นการใช้งาน Docker Compose เพื่อติดตั้ง WordPress ใครที่ใช้ Docker อยู่แล้วก็คงรู้แล้วว่า Docker นั้น ช่วยให้เราจัดการอะไรหลายๆ อย่างได้สะดวยขึ้น ตัวอย่างก็คือ ไม่ต้องติดตั้งโปรแกรมลงบนเครื่องโดยตรง เล่นเสร็จก็ลบ container ไม่มีอะไรมากินพื้นที่อันนี้นิดของเรา (ของผมยังเป็น SSD 128G ก็เลยต้องประหยัดๆ หน่อย ^^)
การนำเอา Docker Compose จะช่วยให้เราสะดวกขึ้นอีกขั้นหนึ่ง อย่างตอนนี้เราจะติดตั้ง WordPress ถ้าใช้แค่ Docker อาจจะต้องรันคำสั่งเพื่อรัน Container ขึ้นมา 2 ครั้ง (wordpress กับ database) แต่ถ้าเราใช้ Docker Compose เราอยากได้อะไรบ้างก็เขียนไว้ในไฟล์ docker-compose.yaml แล้วรันคำสั่งโป้งเดียวก็จะได้ของมาครบเลย
ก่อนอื่นก็มาเตรียมไฟล์ docker-compose.yaml กันก่อน สร้างโฟล์เดอร์ที่จะเก็บไฟล์โปรเจ็คของเราก่อน อันนี้แล้วแต่ความชอบเลยนะครับ ^^ ผมจะเอาเป็น imooh.com ก็แล้วกัน เผื่อจะเอาไว้ใช้ตอนอยากแก้ไขธีมของเว็บครับ
version: '3' services: db: image: mysql:5.7 volumes: - db_data:/var/lib/mysql restart: always environment: MYSQL_ROOT_PASSWORD: somewordpress MYSQL_DATABASE: wordpress MYSQL_USER: wordpress MYSQL_PASSWORD: wordpress wordpress: depends_on: - db image: wordpress:latest volumes: - src:/var/www/html ports: - "8000:80" restart: always environment: WORDPRESS_DB_HOST: db:3306 WORDPRESS_DB_USER: wordpress WORDPRESS_DB_PASSWORD: wordpress volumes: db_data:
สิ่งที่เราต้องทำเพิ่มเติมก็คือ ตรง wordpress service เราต้องเพิ่ม volumes เข้าไป จะได้แก้ไขโค้ดของ wordpress ได้
volumes: - src:/var/www/html
เสร็จแล้วก็รันคำสั่ง
docker-compose up
รอซักหน่อยในกรณีที่เรายังไม่มี images ของ wordpress และ mysql แต่ถ้ามีอยู่แล้วก็แป๊บเดียว
ถ้าเสร็จแล้วเราก็จะสามารถแก้ไขโค้ดของ WordPress ภายใต้โฟล์เดอร์ src ครับ ดูรูปๆ จะได้เห็นชัดๆ
เรียบร้อยจะทำอะไรกับ WordPress ก็ตามสะดวกเลยครับทีนี้ อ่อเราสามารถเข้าดู WordPress ของเราที่ http://localhost:8000 นะครับ ^^
ขอบคุณแหล่งความรู้