มุมมองที่แตกต่างของเศรษฐีกับชาวนา

เรื่องนี้ได้มาจาก forward mail ที่เกี่ยวกับปรัชญาความพอเพียงครับ ซึ่งเป็นเรื่องที่พ่อต้องการจะสอนลูก ผมได้อ่านแล้ว เห็นว่ามีความหมายดี ก็เลยเอามาแบ่งปันให้เพื่อนๆ ได้อ่านด้วย เรื่องก็มีอยู่ว่า

เศรษฐีผู้หนึ่ง แสนจะภูมิใจที่ลูกชายวัยห้าขวบของเข้า

กำลังจะเข้าเรียนในโรงเรียนชื่อดัง..

โดยส่วนตัวของเขาก็อยากสอนลูกชายให้รู้จักกับชีวิตจริง

ควบคู่ไปกับการสอนทฤษฎีในห้องเรียน

…วันหนึ่งเข้าก็คิดหัวข้อการสอน เรื่อง..ความยากจน

เพราะเขาเชื่อว่า ลูกชายของเขาคงไม่มีวันรู้จักแน่นอน

เขาจึงพาลูกชายของเขาไปเยี่ยมครอบครัวชาวนาครอบครัวหนึ่ง

และพักอยู่กับชาวนา เป็นเวลาหนึ่งวันหนึ่งคืน…

…หลังจากกลับมาที่คฤหาสน์ของเขาในวันต่อมา

มหาเศรษฐีก็ถามลูกชายว่า

“ได้อะไรบ้างกับการไปพักแรมกับชาวนาผู้ยากจน?”

ลูกชายก็ได้ตอบคำถามบิดาว่า

“ขาวนามีที่ทำงานที่เป็นท้องนาอันกว้างใหญ่

ในขณะที่พ่อมีเพียงห้องสี่เหลี่ยมที่กว้าง

แต่ก็ยังน้อยกว่า ที่ทำงานของชาวนา

…อาหารที่ชาวนารับประทาน หาได้ตลอดเวลา

รอบๆ บริเวณบ้าน โดยไม่ต้องซื้อหา

ในขณะที่บ้านเรามีเพียงตู้เย็นเท่านั้นที่เป็นตู้เก็บอาหาร

เวลารับประทานอาหารก็มีเพื่อนคุย พร้อมหน้า พร้อมตา พ่อแม่ลูก

…ลูกชาวนาที่ซ้อนท้ายรถจักรยานของพ่อเขา

ต้องกอดเอวพ่อให้แน่น เพื่อจะได้ไม่ตกจากจักรยาน

แต่เขาเองต้องนั่งในรถที่ใหญ่โต อยู่ข้างหลังเพียงลำพัง

โดยมีคนขับรถพาไปทุกที่…

…ชาวนามีแสงจัททร์ส่องสว่างตลอดเวลา

ในเวลากลางคืน โดยไม่ขาดแคลน

แต่เขาก็มีเพียงแสงจากโคมไฟ

ที่ต้องซื้อมาด้วยเงิน

…ลูกขาวนามีเพื่อนเล่นเป็นวัว ควาย สุนัข ไก่

จิ้งหรีด และหิ่งห้อย นับร้อย นับพัน..

แต่เขาเองกลับไม่มีใครเลย

เขาขอบคุณ คุณพ่อของเขา ที่ทำให้รู้คำตอบว่า

จริงๆแล้ว “เรายากจนกว่าชาวนามาก !!!”

” ความพอเพียง ไม่ได้ยกระดับฐานะ แต่ยกระดับจิตใจเรา

สิ่งนั้นไม่ได้ช่วยให้เรารวยเร็วขึ้น หรืออย่างไร

เพียงแต่ ช่วยให้รู้จักความสบายที่แท้จริง ที่เงินหาซื้อไม่ได้”